TEATIME DIARY
  • Home
  • Teatime
  • Restaurant
  • visit
  • activity
  • contact
  • Blog
Picture

Cité du vin : พิพิธภัณฑ์ไวน์

3/4/2022

2 Comments

 

Cité du vin : พิพิธภัณฑ์ไวน์

Picture
         มา Bordeaux หนึ่งที่ต้องแวะ คือ พิพิธภัณฑ์ไวน์ หรือ “Cité du vin” …อ่ะ ๆ อย่าเพิ่งส่ายหัว หรือ  “say no” แม้ว่าคุณจะไม่ใช่สายดื่ม… เพราะแม้แต่เด็กเล็ก (แนะนำตั้งแต่ 6 ขวบขึ้นไป) ถ้าลองได้ก้าวขาเข้าไป ก็ยังชื่นชอบ (ลูกดิฉันนี่ ไปแล้ว ไปอีก ไปตั้งแต่เล็กๆ ทุกวันนี้ก็ยังชอบไปอยู่เลย) และถ้าคุณเป็นสายดื่มอยู่แล้ว ยิ่งไม่ควรพลาด… แล้วก็ลืมภาพพิพิธภัณฑ์แบบดั้งเดิม ที่มีตัวหนังสือยาวเป็นพรืด แบบแค่เห็นความยาวของแต่ละย่อหน้าก็ถอดใจ อยากร้องกลับบ้านตั้งแต่ยังไม่เริ่ม เพราะที่นี่ ข้อมูล กิจกรรม สถานที่ รวมถึงวิธีการนำเสนอ ถูกออกแบบและจัดวางแบบ interactive ย่อยง่าย และทันสมัย ทำให้การเรียนรู้ ทำความเข้าใจวัฒนธรรมในการผลิตไวน์เป็นเรื่องสนุก น่าติดตาม เวลา 1 - 2 ชั่วโมงจะผ่านไปอย่างรวดเร็วแบบที่คุณไม่รู้ตัว เพราะมั่วแต่เพลิดเพลินกับการเรียนรู้ กดนั้น ดูนี่ อย่างสนุกสนาน ให้ความรู้สึกเหมือนไปเที่ยวเล่น มากกว่าไปพิพิธภัณฑ์เสียอีก…เริ่มรู้สึกน่าไปแล้วไหม ถ้าพร้อมแล้วเรียนเชิญค่ะ…
Picture
        พอถึงที่ ไม่ต้องกลัวว่าจะหายาก หรือหลงไปที่อื่นแต่อย่างใด เพราะรูปลักษณ์ภายนอกของพิพิธภัณฑ์นั้นดูโดดเด่น เป็นที่สะดุดตา และเห็นมาแต่ไกล ขนาดยืนห่างหลายร้อยเมตร ก็ยังสามารถเห็นเหยือกใส่ไวน์ขนาดมหึมา ตั้งสง่าอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ พร้อมแสงสะท้อนจากกระจกและอลูมิเนียม ที่ส่องประกายราวกับกำลังทักทายผู้มาเยื่อนแต่ไกล ๆ …. ก่อนเข้า เราแนะนำให้แชะภาพเป็นที่ระลึกก่อน เผื่อขากลับดื่มแล้วลืม😉
        พอก้าวขาเข้าไป แน่นอนด่านแรกคือเคาน์เตอร์ขายตั๋ว😂😂 การเดินทางของเราจะเริ่มโดยการเดินขึ้นบันไดไม้ ที่ถูกออกแบบมาจากการจำลองไวน์ที่หมุนวนอยู่ภายในแก้ว (ไปให้สุด ไม่มีหลุดจากตรีม😜) บันไดนี้จะพาเราเดินวนขึ้นไปที่ชั้น 1 ขวามือจะเป็นห้องสมุด ที่สร้างเป็นรูปโดม มีหลังคาเป็นไม้สีสว่าง ตกแต่งให้ดูโปร่ง เรียบง่าย แต่ดูสบายตา บรรยากาศเชื้อเชิญให้นั่งสุดๆ ที่นี่รวบรวมหนังสือ ข้อมูลและการ์ตูนเกี่ยวกับไวน์ให้อ่านฟรี แถมมีเก้าอี้พร้อมสายชาร์จให้อีก แต่ไม่มีบริการให้ยืมกลับบ้าน (ไม่ต้องซื้อตั๋วก็ใช้บริการห้องสมุดได้ฟรี) ส่วนซ้ายมือจะเป็นห้องไว้สำหรับสัมมนา ห้อง work shop ต่าง ๆ  (แนะนำให้ดูโปรแกรม หรือ book ก่อนมา) ต่อให้บรรยากาศชวนแวะแค่ไหน แต่อย่าเพิ่งหยุดที่นี่ เพราะเราต้องเดินขึ้นบันไดไม้วนขึ้นไปอีก 1 ชั้น

        การเข้าชมพิพิธภัณฑ์ของเราจะเริ่มอย่างเป็นทางการที่ชั้น 2  หลังจาก scan ตั๋วแล้ว เจ้าหน้าที่จะให้ audio guide พร้อมหูฟัง ตัว audio มีหลายภาษาให้เลือก แต่ยังไม่มีภาษาไทยอยู่ในนั้น🥲 มี audio guide เวอร์ชั่นสำหรับเด็กด้วย อยากไปไหน ดูอะไร แค่เอาเครื่องนี้ไปยิงที่ code bar ตรงสิ่งที่เราสนใจ แต่ละอันจะสั้นๆ เนื้อหาเข้าใจง่าย ยิ่งเป็นเวอร์ชั่นสำหรับเด็ก มีมุกตลกและเกมส์แถมให้อีก😉 
Picture
ที่ประตูทางเข้าจะมีแผนผังขนาดใหญ่ โดยแบ่งออกเป็นโซนตามหัวข้อต่างๆ  แต่ไม่ต้องเสียเวลาตีลังกาอ่านแผนที่ก็ได้นะ แค่เดินไปเรื่อยๆก็ได้ (ข้างในไม่ได้ใหญ่ หรือกว้างขนาดที่จะเดินแล้วหลงแน่นอน) แต่ถ้าเรามีเวลาจำกัด หรืออยากดูแค่บางหัวข้อเน้นๆ หรือไม่รู้จะเริ่มตรงไหน เค้ามี guide line แผนการชมเสนอมาให้ถึง 4 แบบ โดยแต่ละอันใช้เวลาประมาณ 1 ช.ม. ครอบคลุมตรีมหลัก ๆ เลือกได้ตามสไตล์ ตั้งแต่สำหรับชาวเน้น สั้น ๆ เนื้อหาน้อย ๆ แต่ได้ความรู้หลัก ๆ กลับไปด้วย จนถึงสไตล์ที่เป็นนักค้นคว้า ต้องดูให้ครบ ศึกษาให้ละเอียด แบบไม่ถ่องแท้ถือว่าไม่ได้มา  แต่ละตรีมจะแบ่งออกเป็นสีต่างกันไป ซึ่งเราจะดูได้จากแผนผังที่เขาแสดง และจุดสีนี้จะอยู่ในโซนต่าง (เอาจริง ๆ  แผนที่อ่านไม่ออกก็ไม่เป็นไร ตามสีเอาก็เข้าใจ) : 
  • juniors (สีเขียว) สำหรับเด็ก สนุก สั้น กระชับ ได้ขยับร่างกาย (สายเน้นเอ็นเตอร์เทน อันนี้น่าจะโดน😜)
  • Essentials (สีทอง) เน้นองค์รวม เจาะหัวข้อหลัก ๆ ครอบคลุมทุกประเด็น (สายเด็กเรียน อันนี้คือที่สุด🧐)
  • Making Wine (สีแดง) เจาะห่วงโซ่การผลิตไวน์ จากทุกมุมโลก (สายธุรกิจมาเอง🤔)
  • Feast your eyes (สีฟ้า) เน้นที่ดึงดูดตา สบายขา พาอารมณ์สุนทรี (สายโรงหนัง ชอบนั่งดู แผนนี้คือดีสุดๆ😎)
Picture
        ส่วนพวกเรานั้น แน่นอนที่สุดต้องเลือกทาง “สายกลาง” แผนที่ไม่ต้อง เพราะขี้เกียจดู😂😂  เราจะเดินไปเรื่อยๆ แวะแทบทุกจุด อันไหนสนุก ถูกใจ คนไม่เยอะ พอให้ถ่ายรูปได้ เราก็แวะนานหน่อย😉 ​
       เริ่มต้นอุ่นเครื่องเบา ๆ พอให้สัมผัสบรรยากาศ กับฐานแรกซึ่งตั้งอยู่ที่ทางเข้า มีชื่อว่า “survol des vignobles / vineyards from the skies” ที่ ๆ เราจะเจอกับหน้าจอยักษ์ ขนาบ 3 ด้าน พร้อมม้านั่งยาวเรียงราย ที่จะพาเราชมทัศนียภาพไร่ไวน์ แบบกว้างสุดลูกหูลูกตา จากทั่วทุกมุมโลก ด้วยคลิป video ที่ถ่ายจากมุมสูง ถ้าจะดูให้ครบซีรีย์จะใช้เวลาประมาณ 8 นาที (เรารักคนอ่านขนาดไหน ถึงขนาดจับเวลาให้ด้วย😊)

        หลังจากเต็มอิ่มกับทัศนียภาพของไร่ไวน์ที่กว้างใหญ่ไพศาล คราวนี้เราจะหันมาสนใจของขนาดเล็ก อย่างเจ้าองุ่นลูกน้อย ๆ  เพียงแค่เลี้ยวซ้ายแล้วเดินไม่ถึง 15 ก้าว เราจะเจอ ไม้หน้าสามเรียงต่อกัน โดยมีป้ายเขียว ๆ แดง ๆ  หน้าตาอนุมาณว่าคือ พวงองุ่นติดเป็นระยะ ๆ  องุ่นแต่ละพวงจะมีตัวอักษรติดอยู่ด้วย ฐานนี้มีชื่อว่า  « Dans les vignes / In the Vine »  เราจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับ ต้น กิ่ง ก้าน ใบ เถา ดิน และสายพันธุ์ขององุ่น ทุกคำที่แปะอยู่ที่เถาองุ่นแต่ละพวง เราจะพบคำตอบว่ามันคืออะไร จากการ scan ที่หน้าจอสีเหลี่ยมผืนผ้าที่ห้อยอยู่นั้นเอง  ฐานนี้ดูเหมือนเล็ก ๆ ไม่ค่อยมีอะไร แต่เห็นจำนวนป้าย บอกเลยใช้เวลานานอยู่เหมือนกัน (ถ้าจะฟังให้ครบก็ต้องมี 15 นาที) แต่เป็นหนึ่งฐานที่แนะนำว่าต้องแวะเลย และถ้ายิ่งมากับเด็กยิ่งแนะนำ เพราะมันมีเกมส์ให้เล่น (แย่งลูกเล่นไปอีก😂) presentation แต่ละอันแค่สั้น ๆ มีทั้งแบบ ภาพ video และข้อความให้อ่าน เป็น 15 นาที ที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว และไม่น่าเบื่อแน่นอน 
        รู้จักสายพันธุ์แล้ว ต่อมาเราจะชวนไปทำไวน์ในฐานที่มีชื่อว่า « L’élaboration du vin / Wine making » องุ่นเก็บมาแล้ว จากนั้นต้องทำไงต่อ กว่าจะมาเป็นไวน์ 1 ขวด นี่คือสิ่งที่เราจะได้เรียนรู้จากฐานนี้ ไม้พาย ตระกร้า เครื่องจักร ถังบ่มไวน์ สิ่งเหล่านี้ไม่จำเป็น เพราะฐานนี้เราจะทำไวน์ด้วยมนต์วิเศษ ที่ใช้เพียง นิ้วชี้จิ้มที่หน้าจอแต่ละอัน เลือกไวน์ขาว ไวน์แดงตามชอบใจ แล้วเราก็จะเข้าสู่กระบวนการ ตั้งแต่ แยกองุ่น คั้นน้ำ แยกเปลือก ใส่ถังหมัก จนกระทั้งบรรจุขวดพร้อมส่งโรงบ่ม  ทั้งหมดนี้เสร็จง่าย ๆ ด้วยปลายนิ้วชี้ ในเวลาแค่เพียง 8 นาที ฐานนี้เด็ก ๆ ต้องแวะ เพราะมี 3 เกมส์ให้เล่น หนึ่งในนั้นคือการสร้างถังบ่มไวน์ของตัวเองด้วย (แม่อย่างดิฉัน มีหรือจะพลาด ไปขอเล่นของลูกอีกตามเคย😂) 
Picture
.        ใช้นิ้วเสกไวน์แล้ว เหมือนแรงจะหมด ขอแนะนำให้ไปพักในฐานที่อยู่เยื้อง ๆ กัน ที่ชื่อว่า « Au delà des mers / Across the sea » คำเตือนระวังอาการเมาเรือ และคลื่นทะเลนะจ๊ะ😉 ฐานนี้ไม่ต้องทำอะไรเลยแค่เลือกที่นั่งใต้ท้องเรือสำเภา ที่ขนไวน์เดินทางข้ามทะเลกัน ร่วมเดินทางไปกับพ่อค้าชาวโรมันและนักต่อรองชาวฮอลแลนด์ แต่เงื่อนของเรื่องนี้กับอยู่ที่ลูกเรือตัวน้อย ที่มีที่มาไม่ธรรมดา เพราะเป็นถึงพี่น้องของเทพเจ้าองค์หนึ่งทีเดียว เราไม่ได้เขียนเล่าเรื่องแบบคนเมาเรือ หรือเมาไวน์นะ🤣  ฐานนี้มันคือ การนำเสนอเรื่องราวตำนานความเชื่อเข้ากับประวัติศาสตร์ที่จะพาเราย้อนยุค ผ่านฟิมล์ที่ฉายอยู่ใน mini โรงหนัง ที่จะสร้างความฟินตลอดเวลา 8 นาที ผ่านภาพและเสียงนั้นเอง
          ออกจากเรือ เราขอนำเสนอให้ไปพักกาย พักใจกันต่อที่ฐาน « vin de l’amour / wine and love » โดมกลม ๆ ที่พอแหวกม่านสายสลิงสีขาวเข้าไป จะพบที่นั่งสีแดงทอดยาวเป็นรูปครึ่งวงกลม เย้ายวนชวนนั่งเป็นที่สุด ถ้ามาเป็นคู่ นี่คือฐานที่โรแมนติกที่สุด และที่นั่งสบายสุด บรรยากาศชวนให้เคลิบเคลิ้ม และเหมาะกับการนอนเป็นอย่างยิ่ง  ฐานนี้เหมาะกับการปล่อยใจ และปล่อยกายที่สุด เพราะแค่นอนหลังพิงเก้าอี้ หงายหน้า ตาจ้องเพดาน และปล่อยใจให้รับรู้เรื่องราวความรัก ผ่านภาพที่มีลวดลายศิลปะแนวโรมัน (เป็นความโรแมนติก เคลือบแฝงมากับความอีโรติกเบา ๆ ในระดับของงานศิลปะ แบบไม่มากไป แต่มีอะไรให้ตีความต่อ) ในขณะที่หู จะได้ยินเสียงเพลงลอยแว่วมา พร้อมด้วยเสียงหัวเราะ เสียงร้องไห้ เสียงฝน เสียงฟ้าร้องและอื่นๆ แบบครบทุกองค์ประกอบของความรัก แบบ สุข เศร้า เคล้าน้ำตา ครบทุกช่วงเวลา ตั้งแต่รักใหม่ผลิใบ ไปจนถึงจากลาใบไม้ร่วงหล่นจากต้น จนกระทั่งฟ้ายังหลั่งน้ำตา…(เรื่องมันเศร้า เคล้าน้ำตาจริง ๆ )
Picture
        ไม่รู้ว่า เพราะบรรยากาศพาไป หรือว่าที่นั่งมันสบายเกิน นั่งฟังไปสักพัก จะรู้สึกไม่อยากลุก เพราะจะอยากนอนฝั่งร่างไปกับเก้าอี้แทน (มิใช่เพราะเรื่องมันเศร้า แต่เพราะที่นั่งสบายจัด😂) แต่ยังมีอีกหลายฐานให้ไปต่อ และยังมีอีกหลายจุดไฮไลท์ ที่ไม่ควรพลาด เราพึ่งเดินทางกันมาถึงแค่ครึ่งเดียวของ cité du vin เอง แต่ถ้าจะให้เขียนต่อให้จบในบทเดียวก็เกรงว่า เนื้อหาจะยาวเป็นกิโล (เราไปตั้งหลายครั้ง กว่าจะดูครบทุกฐาน) เลยขอพักยกไว้ตรง « โดมแห่งรัก » นี่ก่อนน๊า แล้วบทความหน้าจะพาไปตะลุยที่เหลือให้ครบทุกฐาน รับรองเลยบทหน้ามีให้ตื่นตา ตื่นใจ ขยับ จับ ดม ครบ ทุกสัมผัสจริง ๆ ส่วนตอนนี้ ไปนอนฟังเพลงก่อนนะทุกคน 
​เจอกันอีกที บทความหน้านะค่ะ



Picture

ผู้เขียน : Bee Waleethong 
YouTube : Teatime Diary by Bee Waleethong
Blockdit : Teatime Diary by Bee Waleethong
IG : teatimediay_bw / bee_waleethong
Mail : ​teatimediarybw@gmail.com ​

2 Comments

Seven Tea's : ร้านนำ้ชา ชวนย้อนเวลาหารัก ยุค 70’S

1/29/2022

3 Comments

 
Picture

Seven Tea's : ร้านนำ้ชา ชวนย้อนเวลาหารัก ยุค 70’S

                ร้านน้ำชาที่ทำให้เราตกหลุมรักได้ในเวลาแค่เพียง 3 วิ! ถ้าจะบอกว่าเป็นร้านที่ทำให้รู้สึกแบบ รัก ณ. แรกพบ ก็คงจะไม่เกินไปนัก… มันคือร้านที่มองปราดเดียว แต่สะดุดตา และสะกดขาเรา 2 แม่ลูกให้ก้าวเท้าพร้อมยื่นมือผลักประตูเข้าไปดูแบบงง ๆ โดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า เขาขายอะไร และไม่เห็นมีลูกค้าในร้านสักคน…(ไม่ใช่  “8โมงเช้าวันอังคาร” แค่ 9 โมงสาย ๆ วันพุธ😉)
​
    แล้วอะไรหรือ…ที่เป็นมนต์สะกด ทำให้เรามองหน้ากันแล้วตัดสินใจ จะไปลองลิ้ม ชิมรส และพร้อมเปิดประสบการณ์ใหม่ จากความตั้งใจแรกเริ่มที่จะไปร้านน้ำชาเจ้าคุ้นเคยฝั่งตรงข้าม…มาร่วมหาคำตอบและพิสูจน์ไปพร้อมกันว่า “รักแรกพบใน 3 วิ” ครั้งนี้ จะใช่รักแท้ที่คงอยู่ หรือจะเป็นเพียง “รักแรกพบ ที่จบลงด้วยการลาจากอย่างถาวร”…

Picture
        หลังจากผลักประตูกระจกหนักอึ้งขนาดกว้าง 90 เซนเข้าไป…สิ่งแรกที่ออกมาแสดงตัวต้อนรับเรา คือ เสียงดนตรีบรรเลงเพลง Jazz ที่ลอยมากระทบโสตประสาท สร้างความรู้สึกอบอุ่นเหมือนกำลังก้าวขาเดินเข้าไปใน “lounge” หรือ cocktail bar…ขณะที่ภาพปรากฏเบื้องหน้า คือ ห้องโถงยาวสีขาว ตัดกับเก้าอี้ไม้ และโซฟาสีฉูดฉาด โทนแดง ส้ม เหลือง ที่โดดเด่นดึงดูดสายตามาแต่ไกล เด่นขนาดที่ว่ามันถูกจัดวางในแถวท้ายๆของห้อง และอยู่ในระยะที่ไกลสุดนับจากประตูทางเข้า แต่กลับเป็นสิ่งแรก ๆ ที่เราเห็น   การจัดวางเก้าอี้และตรีมสีของร้านที่ให้ความรู้สึกสนุกสนานในบรรยากาศสไตล์ “Jazzy” (ต้องบอกเลยเค๊ารักษาตรีมร้านได้ยันห้องน้ำอ่ะ เหลืองตั้งแต่พื้นยันผนังห้องเลย😄) 
        จากนั้นสายตาเราก็ไปสะดุดกับโซฟายาวสีส้มและเหลืองตรงกลางร้าน ตั้งแบบหันหลังชนกัน หันหน้าเข้ากำแพง  ในใจแอบคิดไปว่า ใครจะมานั่งเรียงแถวกันแบบนี้น๊า แต่พอลองไปนั่งแล้ว บอกเลยว่ามันคือ ที่ต้องนั่งและคู่ควรแก่การใช้เวลาเสพสุขสักพัก เพราะเราจะเห็นชั้นที่วางแผ่นเสียงเรียงราย 2 ฝั่งตลอดความยาวของที่นั่ง มีบางแผ่นที่ถูกเอามาจัดวางบนกำแพง ส่วนอีกด้านหนึ่ง มีกีตาร์ พร้อมแก้วและงานศิลปะแบบกระเป๋าทำมือขายด้วย  แน่นอนมีแผ่นเสียงก็ต้องมีเครื่องเล่น ซึ่งมันถูกจัดให้ตั้งอยู่แบบแอบ 
ๆ ราวกับสาวขี้อายที่มุมท้ายห้อง… 

Picture
        หลังจากสำรวจสถานที่ สอดส่องทุกมุม และเพลิดเพลินกับการเดินมองพื้น ที่มีตัวอักษรเต็มไปหมด ให้ความรู้สึกเหมือนเดินอยู่บนไม้ที่แกะออกมาจากลังใส่ขวดไวน์แล้วมาวางต่อๆกัน เราก็ตัดสินใจไปนั่งที่เก้าอี้นวมสีแดง กับโต๊ะเตี้ยกระจกสีควันบุหรี่ ถ้าคุณมองหาตัวเลือกเหมาะสำหรับจิบชา ทานขนม หรือทำงาน โต๊ะนี้อาจไม่ใช่มุมดีที่ตอบโจทย์นัก แต่มันเป็นมุมเก๋ เหมาะกับถ่ายรูปลง IG เป็นที่สุด หรือนั่งคุยกระหนุงกระหนิงตามภาษาคนรักก็ดูเข้าที ส่วนเรานั้นเลือกมุมนี้ ด้วยเหตุผลของเด็กชายมาทิอาส ที่ว่า มันดูตัดกับเสื้อแจ็กเก็ตสีเขียวสะท้อนแสงของเขาดี😂 (ค่ะ ดิฉันมีลูกชาย 9 ปี ที่มีสไตล์การแต่งตัว แบบไม่ปรึกษาพ่อแม่ และไม่คิดจะอ่านไลน์กลุ่ม🤣🤣​) เจ้าของร้านพูดคุยยิ้มแย้มแจ่มใส ดูอัธยาศัยดี ระหว่างพาเราเดินชมร้านและให้เลือกนั่งตามชอบใจ ทำให้เรารู้ว่าเขาเพิ่งเปิดได้ยังไม่ถึงเดือนเลย…

        ในที่สุดเราก็ได้เวลาค้นพบว่า ร้านเขาขายอะไร (จะได้ทานแล้ว…หลังจากพล่ามมานาน😅) เมนูดูไม่ซับซ้อนและไม่มีอะไรหวือหวาเลย มีกาแฟ เครื่องดื่มเย็น น้ำอัดลม ช็อกโกแล็ต ชาสมุนไพร ชาเขียว ชาขาว และชาดำ  แต่ไม่มีชาเขียวธรรมดา😔 มีแต่เขียวกลิ่นมะลิ ไม่มีแอลกอฮอล์ ส่วนขนมก็มี คุกกี้ ชีสเค้ก ครัวซอง ขนมปังกับแยม แต่ที่สะดุดตาเราคือ  “chocolatine (โช-โค-ลา-ติน)” ราคา 1.20 ยูโร แต่ “pain au chocolat (ปัง-โอ-โช-โก-ลา)” คิด 50 ยูโร  ทั้งที่จริงมันคือขนมอันเดียวกัน! เป็นขนมปังใส่ช็อกโกแล็ตข้างใน แต่ถ้าสั่งผิด ชีวิตเปลี่ยนนะ เขาไม่ได้พิมพ์ราคาที่เมนูผิดแต่อย่างใด แต่มันคือ  หนึ่งในกิมมิกอารมณ์ขันของร้านนี้ จะมาเรียกแบบชาวปารีสว่า “pain au chocolat” ในเมือง Bordeaux ก็จ่ายราคาสูงไปนะจ๊ะ😉…ให้รู้กันไปว่า นี่ถิ่นใคร😆…

           สิ่งที่เราสั่งวันนี้ ชาเขียวมะลิ กับ chocolatine ของคุณมาทิอาส แล้วก็ชาสมุนไพร กับ ชีสเค้กของเรา บอกตรงๆตอนเห็นเมนู คิดในใจว่าไม่ต้องหวังมากกับรสชาติ ถือว่าได้สถานที่ตกแต่งมีสไตล์ไป แต่พอเขาเอาชามาเสริฟ์ เราแอบบวกคะแนนเพิ่มให้ในใจไปอีกมากอยู่ เพราะอย่างน้อยถือว่า เข้าใจหัวอกคนดื่มชาว่ามันควรจะมีที่จับเวลา และที่รองกากชามาให้ ซึ่งร้านโดยทั่วไปไม่คิด (แม้กระทั่งโรงแรมใหญ่ๆบางที่ก็ไม่มีให้) ทั้งหมดมาในชุดเครื่องแก้ว มีกาขนาดกำลังพอดี  ถ้วยรองกากชา และแน่นอนแก้วชา วางลงในถาดไม้พร้อมนาฬิกาทรายแบบ 3 4 และ 5 นาที…สำหรับขนมรสชาติก็พอได้ แต่ชีสเค้กจัดว่าอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างดี ถ้าคุณเป็นแฟนชีสเค้กสไตล์ New York เพราะส่วนใหญ่เราจะเจอ ‘ชีสเค้กแบบฝรั่งเศส’ ที่ ไม่เค็ม ไม่มัน ไม่เลี่ยน (สารพัด ‘ไม่’ รวมถึงความอร่อยด้วย😅)
​         
นอกจากนั่งจิบชา และเพลิดเพลินกับการทานขนมแล้ว เรายังสามารถเดินไปเลือกแผ่นเสียงแล้วเอาไปเปิดได้ตามชอบใจด้วย แผ่นที่กำลังเล่นอยู่เขาจะเอาซองไปตั้งไว้ที่มุมผนังด้านหนึ่ง อยากรู้ว่ามันคือเพลงอะไรก็เดินไปดูได้สะดวกแบบไม่รบกวนใครเลย


Picture
             หลังจากนั่งแช่ ถ่ายรูปเล่น และสำรวจสักพักใหญ่ เริ่มมีคนเข้ามานั่งเพิ่ม สิ่งที่สังเกตได้เลย คือ ทุกคนน่าจะมาทำงาน เพราะนั่งๆแล้วก็กดหน้าจอกันทั้งนั้น ไม่ต้องคิดว่าจะไปเจอใครหรือได้พบรัก ณ.แรกสบตา เพราะทุกคนไม่เงยหน้าจากจอเลย😂😂  จะว่าไปจริง ๆ แล้วที่นี่ก็ดูเหมาะกับมานั่งทำงาน หรือหาไอเดียอยู่เหมือนกันนะ มีทั้ง wifi เก้าอี้ และโต๊ะแบบนักเรียนที่เหมาะกับการทำงานเป็นอย่างดี

        สรุปร้านนี้สำหรับเราเป็น “รัก ณ. แรกพบ” ที่ไม่ได้จบด้วยการลาจากอย่างถาวร แต่ยังไม่ถึงขั้นรักแท้ที่คงทน น่าจะกลายมาเป็น ‘สะดุดรัก ณ. แรกพบ แล้วจบด้วยการพัฒนาสัมพันธ์เป็นเพื่อนกันแบบ ห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ นาน ๆ เจอกันทีก็ดีเหมือนกัน  เพราะถ้าดูเรื่องความหลากหลายของขนมและเครื่องดื่ม ที่นี่อาจจะไม่ใช่ที่ๆ แนะนำ แต่ถ้าต้องการหาบรรยากาศและการตกแต่งแนวสีสันสนุกสนาน มีความโปร่งโล่งสบายเหมาะกับการทำงาน และราคาแบบเป็นมิตรกับกระเป๋าสตางค์ หรือนัดลูกค้าแบบไม่เป็นทางการที่เน้นเร็ว ไม่นั่งแช่ นี่อาจจะเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจเช่นกัน

ข้อมูลควรรู้
  • Seven Tea’s (Bordeaux, France), 6 rue des Argentiers, 33000 Bordeaux
  • เปิด อังคาร - อาทิตย์ 9.00 - 19.00
  • เครื่องดื่ม 3.50 - 4€
  • ขนม 1.20 - 4€​

Auteur : Bee Waleethong
Blogger, Entrepreneur, YouTuber, Creator, Spa Business Consultant, Woman, Mom and myself.

3 Comments

Tamatebako : ร้านนำ้ชาคุณภาพทะลักกา

3/22/2019

0 Comments

 

Tamatebako : ร้านน้ำชาคุณภาพทะลักกา

Picture
ร้านน้ำชาTamatebako
        วันนี้เราจะไปร้านนำ้ชาขนาดกลางๆ แต่คุณภาพทะลักกา ล้นแก้ว ถึงขั้นเจ่อนองออกมาเลยทีเดียว... อะไรขนาดนั้น? ไม่ได้เวอร์นะ แต่มันเป็นร้านที่ดีที่สุดที่ครบเครื่องเรื่องเครื่องดื่มประเภทชา ชาสมุนไพร และกาแฟ เป็นร้านอันดับหนึ่งในใจเราเลย(แบบรวมทุกที่ที่ไปมา) เป็นร้านที่ไปบ่อยสุด ชาดีมีให้เลือกมากสุดและเป็นร้านแรกที่เราใช้เวลามากกว่า1ปีเพื่อชิมชาเขียว ขาว และชาสมุนไพรให้ครบทุกอัน...อยากไปยัง? พร้อมแล้วไปกัน...จุดหมายปลายทางเราคือร้าน Tamatebako (ขอสารภาพ เราไม่เคยจำชื่อเธอเต็มๆได้เลย จำแต่ที่อยู่แบบถ้าอยากดื่มชาเลิศ หลับตาแล้วขาก็จะพาเดินมาที่นี้เองอ่ะ) ร้านตั้งอยู่ตอนต้นของถนนแห่งความสำราญที่มาบรรจบพบกันระหว่างสายชิมขนมและจิบชายามบ่ายกับชาวประชานักสังสรรค์ยามเย็นที่ถนน « rue saint james ( ฮรู ซั้น เจมส์) »ใกล้ๆประตูเมืองระฆังยักษ์ ของ Bordeaux
       
        ก่อนชิมชาเราชิมบรรยากาศก่อนนะ
…ร้านตกแต่งด้วยสีทึมๆ (เอาจริงๆ คนฝรั่งเศสชอบสใตล์ทึบๆทึมๆ ที่เขาเรียกกันว่าMélancolie) ก้าวเข้าไปในร้านบริหารร่างกายเบาๆด้วยการแหงนหน้าเพื่อจะพบเพดานวาดแบบกากบาทสีเทาควันบุหรี่ตัดกับสีขาว มองตรงเห็นเก้าอี้โต๊ะที่เป็นไม้สีธรรมชาติ(อย่าหวังว่าจะได้เบาะนุ่มๆนั่งสบายนะ เรามาเพื่อชาคะ55 อยากสบายหน่อยก็เลือกนั่งเก้าอี้หวายจ้า) คราวนี้หมุนคอไปขวานิดจะพบกับกล่องไม้สีอ่อนมีเลขเรียงรายอยู่เต็มกำแพง มันคือกล่องใส่ชาและสมุนไพรกับกาแฟ ด้านหน้ามีโต๊ะไม้ยาวที่ทำเป็นเคาเตอร์ไว้วางขนมและเครื่องชงกาแฟ ส่วนกำแพงอีกด้านคือผนังหินให้เห็นกันแบบเปลือยๆได้ความเก๋ไปอีก(ไม่เปลืองสี😂😂)... ทั้งหมดทั้งมวลให้บรรยากาศเรียบง่ายแบบสบายๆสไตล์ธรรมชาติแต่ยกเว้นเพดานที่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในยุคของการเริ่มต้นโรงงานอุตสาหกรรม…

Picture
        คราวนี้ก็ได้เวลาเลือกเครื่องดื่มจ้า บอกเลยเมนูเธอไม่ธรรมดานะ แต่ละรายการจะเป็นวันสำคัญที่มีเหตุการณ์อะไรสักอย่างเป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การจดจำ แค่ใช้เวลาอ่านเมนูกระดาษa4 ที่ตัวอักษรพิมพ์ขนาด8-9 ก็ได้ความรู้ทั่วไปติดตัวกลับมาด้วย(แต่เราไม่เคยจำ แค่ชื่อร้านก็ลำบากแหละ😜) สั่งอะไรดี? เขามีทุกอย่างแหละ ชาขาว ชาเขียว ชาแดง ชาดำ ชาผสม จะญี่ปุ่นหรือจีน แอฟริกา บาหลีหรือพี่ไทยเขาก็มีทั้งนั้น 200กว่าชนิดมันต้องถูกใจกันบ้างสิ (เข้าใจยังทำไมเราใช้เวลากว่าปีในการชิม …ค่ะดิฉันชิมมันทั้งหมดตั้งแต่อันแรกยันรายการสุดท้าย ยกเว้นชาดำกับกาแฟ) แต่ที่แนะนำที่สุดและทำให้ร้านนี้ครองอันดับ1ในใจเราคือ เขากล้าที่จะเอาชาที่เรียกว่าgrand cru แบบสุดยอดของสุดยอดมาชงเป็นกาให้คุณดื่มจ้า มันไม่ใช่แค่ให้เลือกแบบ3-4อย่าง(คือร้านทั่วไปไม่กล้าแม้จะเอามาขึ้นลิสท์ให้ชิมด้วยซำ้) อย่างเราสายเขียวญี่ปุ่นก็จัด gyokuroไปคะ แค่ชนิดนี้ก็มีให้เลือกวนไป8อันแล้ว ไม่รวมชาประเภทอื่นๆ อ้อชาส่วนใหญ่เกือบ 95% เป็นแบบorganicหรือปลอดสารพิษ แต่ที่มากกว่าชนิดและคุณภาพของชาคือ คุณรู้สึกได้ถึงความใส่ใจถึงความรักที่เจ้าของสองตายายส่งถึงเวลาเสริฟชาให้ ชาแต่ละชนิดจะมาในกาเหล็ก(แอบหนักไปนิด) ด้วยอุณหภูมินำ้ที่เหมาะสมกับชานั้นๆ มีนาฬิกาดิจิตอลเพื่อจับเวลาและในเซ็ทจะมีจานเล็กเพิ่มมาให้อีก1ใบเพื่อเอาไว้ใส่กากชาหลังจากทิ้งไว้ตามเวลาที่บอก และที่ขาดไม่ได้ขวดน้ำเปล่าอีก1ที่… หลังจากนั้นก็เชิญดื่มด่ำกับสุทรียภาพและอรรถรสแห่งชา… อ้อสิ่งที่ควรรู้อีกอย่างนะ ที่นี้เขามาเพื่อเครื่องดื่มแต่ไม่อนุญาติให้ทำงาน ไม่มีหน้าจอ คอมพิวเตอร์หรือนัดเพื่อนมาทำงานกลุ่มกันนะคะ มิฉะนั้นเชิญออกจ้า แต่อนุญาติให้อ่านหนังสือ พูดถึงแต่ชา เขามีขนมให้เลือกด้วยนะ เป็นขนมสไตล์homemade อารมณ์ขนมคุณยายจริงๆ(ชาอร่อยมาก แต่ขนมไม่สุดเท่าไหร่แต่ก็อยู่ในเกณฑ์ใช้ได้ ชิ้นแอบบางความอร่อยค่อนข้างเจือจางแต่ราคาดันจัดเต็ม!)

เมนูบีแนะนำ
  • Gyokuro « rosée précieuse » สายชาเขียวสุดพรีเมียมในรสชาติสุดละมุน กลิ่นหอมอ่อนๆ ออกหวานนิดๆ ฝาดน้อยที่สุด ดื่มง่ายที่สุด มาในราคา 8.90€ /กา
  • Sencha Ujitawara : มันคือชาเขียวSencha เกรดsuper premium ที่เป็น organic สีสวย สายชอบชาเขียวรสเข้มๆ แบบขมๆสะใจอันนี้จัดไปเลย 10.90€/กา
  • Cérémonial Matcha : ชาเขียวผงที่ถูกตีจนขึ้นฟองเป็นมูส สีสวยๆ กลิ่นแน่นๆ ถูกเสริฟมาในถ้วยใบใหญ่ๆคือได้รสชาติของMatchaเต็มๆ มาทั้งทีก็จัดไป 6.90€/แก้ว
  • Sakura pur inumi : ชาดอกซากุระ คือกลิ่นอ่ะได้ใจเลย ให้อารมณ์เหมือนจิบชาใต้ต้นซากุระ รสชาตินั้นก็กลางๆ แต่ที่แนะนำเพราะมันหายาก! อันนี้ต้องไปให้ถูกฤดูนะจ๊ะ ไม่งั้นอด 1ปีมีให้ชิมไม่เกิน3เดือน เป็นช่วงปลายๆฤดูใบไม้ผลิ(คือต้องรอซากุระบานแล้วบวกระยะเวลาจัดส่งด้วย)
  • ขนมเค้กเนยกับเอาล์มอนต์ : ขนมเค้กเนื้อละเอียดสีเหลืองนวล ให้กลิ่นหอมของถั่วเอาล์มอนต์คั่ว รสนุ่มเนื้อละมุนไม่หวานมากเข้ากับชาได้เกือบทุกประเภท (คือรสชาติดีสุดในบรรดาขนมที่มี ไม่งั้นก็เค้กที่มีโชคโกเล็ตไป) 4.90€/ชิ้น​
         
​        ชิมแล้วชอบ รักถูกใจ
ซื้อกลับบ้านได้ด้วยยกเว้นพวกสุดยอดแห่งชาทั้งหลายเพราะเขาบอกว่ามันมีนิดเดียวพวก gyokuro ทั้งหลายมาชิมที่ร้านอย่างเดียวจ้า…นอกจากนี้ชาสมุนไพรก็ดีอันนซื้อกลับบ้านได้เต็มที่ เขาจะใส่ในกล่องพลาสติกที่ใส่ในกล่องกระดาษที่พับสวยงามสไตล์ญี่ปุ่นเพิ่มมูลค่าไปอีก (แต่ก็ควรอยู่เพราะราคาชาเธอนั้นถือว่าสูงใช้ได้เลย แต่บอกเลยคุณจะไม่เสียดายตังค์เลยจริงๆ) กาแฟที่นี้เขาก็มีให้เลือกเหมือนกันนะ ตัวเลือกก็ครบครัน สำหรับคนไม่นิยมชาไม่ชอบกาแฟและก็ไม่โอกับชาสมุนไพรแต่อยากไปกับเพื่อนสั่งสมูทตี้หรือช็อคโกแล็ตมาทานกับขนมก็ได้อยู่นะ

        โดยรวมๆTamatebako คือร้านที่ดีที่สุด ครบเครื่องที่สุดในเรื่องของชา เป็นร้านที่มีชาระดับสุดยอดพรีเมียมให้เลือกชิมมากสุด ถึงแม้โดยรวมราคาที่ขายเป็นกาจะจัดว่าอยู่ในราคาที่สูงคือ2-3เท่าของร้านทั่วไป แต่บอกเลยเขาเอาชากิโลหลักพันยูโรมาเสนอให้คุณชิมและมีให้เลือกแบบอุดมสมบูรณ์ ถ้าคุณเป็นพวกรักนักชิมชาสามารถคุยกับเจ้าของได้เลย ที่นี่เป็นร้านนำ้ชาที่นำเสนอชาคุณภาพโดยผู้หลงใหลในชาตัวจริง
ข้อมูลควรรู้
  • Tamatebako, 32 Rue Saint-James Bordeaux
  • Open พุธ-อาทิตย์ 14.00-19.00
  • ราคานำ้ชา 5.90-12.90€/กา, ขนม 4.90-5€/ชิ้น
  • ห้ามทำงาน หน้าจอ คอม...
0 Comments

    Archives

    March 2022
    January 2022
    June 2019
    May 2019
    March 2019

    Categories

    All
    อาหารฝรังเศส
    เที่ยวฝรั่งเศส
    Acitivity
    Bordaux Restaurant
    Bordeaux
    Gastronomy
    Paris
    Restaurant
    Restaurant Gastronomy
    Restaurant Paris
    Retaurant
    Salon Du Thé
    Teatime
    Top Teatime
    Visit

    RSS Feed

element_settings.Image_30621876.default
 Author : Bee  BW
YouTube : Teatime Diary by BW
Blockdit : Teatime Diary by BW
IG : teatimediary.bw / Bee BW
​Mail : teatimediarybw@gmail.com
www.teatimediary.com
​

Home

Teatime

Restaurant

visit

activity

contact

Copyright © 2023
  • Home
  • Teatime
  • Restaurant
  • visit
  • activity
  • contact
  • Blog