TEATIME DIARY
  • Home
  • Teatime
  • Restaurant
  • visit
  • activity
  • contact
  • Blog
Picture

Sur Mesure par Thierry Marx : 2 ดาวมิชิลินตามสไตล์เชฟเทรี มาร์ก

6/6/2019

2 Comments

 

Sur Mesure par Thierry Marx :2 ดาวมิชิรินสไตล์เชฟเทรี มาร์ก

Picture
และแล้วก็ได้ฤกษ์เขียนถึงร้านอาหารติดดาวMichelin ...อาหารแนวgastronomy ฝรั่งเศสนั้นขึ้นชื่อเป็นอันดันต้นๆของโลกเลยทีเดียว จำนวนเชฟติดดาวมิชิลินถือได้ว่าอุ่นหนาฝาคลั่งและรวมตัวกันอย่างหนาแน่นโดยเฉพาะที่ปารีส...(ที่ไทยเราก็มีแล้วนะเพิ่งเริ่มปี2018เดียวจะมาเล่าสู่กันฟังต่อไป)
คราวนี้ไปชิมอาหารฝรั่งเศส 2ดาวมิชิลิน...อ่ะๆแต่อย่าเพิ่งนึกว่าจะได้ชิมอะไรที่ฝรั่งเศสจ๋านะเพราะคราวนี้ไปกับมาทิอาสและคุณยาย(เป็นแม่เราแต่เรียกตามลูก) โจทย์ของคุณยายคืออาหารโดยเชฟฝรั่งเศสแต่ไม่แนวtradition(เพราะไม่เอาเนื้อ ไม่ชอบการปรุงแบบrosé ไม่ชอบอะไรดิบแบบพวกtartare...) ส่วนเด็กชายมาทิอาสนั้นพอบอกปารีสเธอคิดถึงแต่ร้านอาหารญี่ปุนแท้ทรู(บ้านเราไปปารีสเพื่ออาหารนานาชาติมากกว่าเพราะปกติอยู่Bordeauxอาหารฝรั่งเศสมันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต) เราก็เลยจัดSur Mesure par Thierry Mark ให้คุณทั้งสองไปเพราะเป็นร้านอาหารจากเชฟฝรั่งเศสที่ทำอาหารติดดาวในแบบที่เจอกันระหว่างอาหารฝรั่งเศสแนวอลังมาพบประสบรักกับความไฉไลของวิทยาศาสตร์ประยุกต์ ออกมาเป็นอาหารแนวประดิษย์แนวgastronomy molecular...และเชฟคนนี้inspirationอย่างแรงกล้าจากอาหารเอเชีย...เสริฟในบรรยากาศแบบสบายๆตกแต่งสไตล์modern contemporary...พร้อมแล้วเชิญนั่งคะ...คุณผู้หญิงด้านซ้ายคุณผู้ชายด้านขวา...เราจะเริ่มเสริฟแล้วนะคะ...
Picture
โต๊ะถูกจัดอยู่ภายใต้สิ่งก่อสร้างลักษณะคล้ายโดมหน้าเปิดตกแต่งด้วยสีขาว ที่นั่งเป็นเบาะขาวรูปครึ่งวงกลมให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัวเหมือนนั่งทานอาหารในบนก้อนเมฃจริงๆ
เริ่มต้นอุ่นเครื่องกันด้วยcocktailไร้แอลกอฮอลกับนำ้ลูกเสาวรสผสมนำ้ดอกกุหลาบ...สีส้มอมชมพูสดใสชวนมองที่ให้รสเปรี้ยวๆหวานๆเรีอกนำ้ย่อยกับแป้งกรอบโรยผักสมุนไพรปักมาในกระปุกงา...
จากนั้นก็เปิดกันด้วย "mise en bouche" (มิส ออง บูช)ที่มาด้วยกัน 3 mets (เมะท์) เริ่มต้นที่ซุปใสๆในรูปแบบเจลลาตินในถ้วยน้อยๆแบบจอกนำ้ชารสชาตินำ้ซุปไก่ตุ๋นบ้านเรานั้นแหละ ต่อมากับเต้าหู้หน่อไม้ฝรั่งให้รสหวานอ่อนๆและปิดท้ายด้วยวุ้นที่ได้มาจากการปั่นผักอะไรสักอย่างจำชื่อไม่ได้ใส่เข้าไปทั้งคำแล้วมันจะแตกออกให้ได้ลิ้มรสนำ้ซุปรสขมนิดๆแต่หวานมาก...
Picture
เมนูของเราวันนี้มาในconcept "terre et mer" (แต เอ แมร์) หรือก็คือแผ่นดินและผืนนำ้ทะเลนั้นเอง...ข้อดีของอาหารแบบgastronomyคือไม่ต้องเลือกอาหารว่าจะทานอะไร แต่จะตามใจอารมณ์ศิลปินของเชฟและก็จะเสริฟเหมือนกันยกโต๊ะ เรามีหน้าที่แค่เลือกจะเอาชุดเล็ก(4จาน) หรือชุดใหญ่(6จาน)พอ...และแน่นอนทานเองจ่ายเองก็จัดชุดใหญ่ไปไม่ต้องเกรงใจใคร😉

​เมนูของพวกเราวันนี้เริ่มด้วย "Oeuf mimosa" (เอิฟ มิ-โม-ซ่า) พอเห็นหน้าตาแอบมีผิดหวังนิดๆเพราะอันนี้มันเป็นอาหารพื้นๆฝรังเศสที่เอาไข่แดงต้มผสมกับมายองเนสเกลือแล้วก็ยัดมันกลับเข้าไปในหลุ่มเหมือนเดิม...แต่แน่นอนเชฟติดดาวคงไม่ทำอะไรที่มันง่ายขนาดนั้นมั้ง🤔 มันต้องมีเซอร์ไพรส์สิ(นี้แอบคิดในใจ) และก็แน่นอนหน้าตามันดูเหมือนไข่ต้ม? แต่มันไม่มีทั้งไข่ทั้งเนื้อคะ...มันคือการเอาหน่อไม้ฝรั่งสีขาวมาทำเป็นไข่ขาวส่วนมูสนั้นเป็นครีมของหน่อไม้ผสมถั่วงอกและเครื่องเทศสีเหลือง...รสชาติก็ออกหวานๆจืดๆให้เนื้อสัมผัสเย็นๆละมุนลิ้น สรุปหน้าตาธรรมดาแต่หลอกให้เราทานผักได้สนิทใจ...😜
จานถัดมาเป็นมูสหอยนางลมมากันแบบฟองมูสเต็มชามมองไม่เห็นอะไรเลยแต่พอตักลงไปจะได้พบกับเนื้อหอยนางโรม...จานนี้บีฟาดเรียบคนเดียว3ที่เลยเพราะทั้งคุณยายทั้งมาทิอาสชิมไป1คำเขาส่ายหัวกันดุกดิกเลย😁😁 รสชาติเป็นไง...ถ้าคนชอบหอยนางโรมดิบมันก็อร่อยนะสด คำโตมูสมันมีรสรมควันหน่อยๆแต่ถ้าคนไม่ชอบหอยนางโรมก็จะส่ายหัวเลย
จานต่อมาเรายังไม่จบกับอาหารทะเลมาในเมนูlobsterหรือกุ้งมังกร(เอาจริงๆกุ้งมังกรดูเหมือนเป็นจานพื้นฐานของร้านgastronomyเลย ไปที่ไหนมันต้องมีอยู่ในเมนูของทุกร้าน)มาแบบเป็นชิ้นคำโตๆเนื้อแน่นๆปรุงแบบแค่พอสุกแบบบา์บีคิวรมควันมาพร้อมซอสรสค่อนข้างเข้มค้นแถมมีมากิปลารมควันมา3คำตกแตกด้วยประการังทำมาจากหมึกดำ จานนี้หน้าตาเก๋ไก๋ได้ใจเราไปก่อนชิมแล้ว...ส่วนรสชาติไม่มีอะไรแปลกใหม่เพราะเขาเน้นชูความสดกรอบเด้งดึงของเนื้อกุ้งมังกรซึ่งกัดไปได้รสนั้นจริงๆแต่ที่surpriseเรานั้นคือซอสรมควันที่รสชาติเข้มค้นความเค็มนำหน้ามาเลย ปกติเวลาเสริฟกุ้งมังกรจะได้รสชาติซอสที่อ่อนหรือเปรี้ยวซ่าส์ แต่เชฟนี้มาแบบสวนทางแถมยังมีเนื้อปลารมควันที่มาด้วยอีกคือรสชาติเข้มมาเลย...รวมๆกันคืออร่อยอ่ะ😋
​ และก็มาต่อกันที่ภาคพื้นดิน กับเอกลักษณ์ฝรั่งเศสจ๋าด้วยพี่foie gras หรือตับห่านนั้นเองมาในรูปแบบเหมือนขนมที่ราดด้วยซอสราสเบอรรี่ ก็ธรรมดาไม่หวือหวาอีกแล้ว รู้สึกว่าเชฟเน้นความเรียบง่ายจริงๆ รสชาติก็อร่อยตามแบบฉบับตับห่าน...

Picture
คราวนี้เราก็มาถึงอาหารจานหลักแบบหนักๆกันแล้ว...ต่อกันที่เป็ดซอสราสเบอรรี่จ้า ตัวเนื้อเป็ดทอดมาแบบสุกกำลังพอดีที่เขาเรียกกันว่า rosé (โฮส-เซ่แปลว่าสีชมพู) คือดูว่าธรรมดาแต่การปรุงแบบblue, rosé...อะไรพวกนี้มันเป็นศิลปะการปรุงอาหารของคนฝรังเศสจริงๆมันไม่ง่ายเลย มีเรื่องไฟเรื่องเวลาและเทคนิค จานนี้ก็เหมือนเคยเน้นความเรียบง่ายแต่รสชาติดีอีกเหมือนเดิม (แต่คุณยายไม่โอเค เขาบอกสุกไม่พอ ส่วนมาทิอาสนั้นปกติก็ไม่ชอบเป็ด สรุปจานนี้บีชอบคนเดียว)
คราวนี้จานหลักแบบสุดท้ายจริงๆมาในหน้าตาที่บอกนี่มันป่าชัดๆ ซึ่งสมกับคำอธิบายต่อมาคือเชฟได้แรงบันดาลใจมาจากทหารโดดร่ม...จานเลยถูกตกแต่งมาในแบบทหารลายพลางสีเขียวดำเต็มจานเลย และแล้วพระเอกเห็ดทูฟของเราก็มาสักที (นี้ก็อีกอย่าง เห็ดนี้ต้องได้ขึ้นโต๊ะgastronomyกันอยู่รำ่ไป) คุณยายบอกในที่สุดเชฟก็หลุดออกจากconceptสไตล์เรียบง่ายมาเป็นอะไรที่ตกแต่งกันสักที😂😂จานนี้เป็นเนื้อย่างออกแนวญี่ปุ่น

Picture
Picture
และแล้วเราก็เดินทางมาถึงของหวานกันสักที...(คุณยายดีใจจานสุดท้ายแล้ว...แต่ที่เขาไม่รู้คืออกจากนี้อีก2ช.ม.เราจะไปร้านนำ้ชาแบจัดเต็มกันต่อ...ทริป1วันกินกันอย่างเดียวจริงๆ) และเชฟก็ไม่ทำให้มาทิอาสผิดหวังเพราะเขาทำมาในรูปแบบปิ่นโตเบ็นโต๊ะ ที่มันไม่ธรรมดาคือจะเปิดมันต้องหมุนให้ตรงล็อคและเขาสามารถวาง3ที่พร้อมกันให้มีการจัดเรียงแบบเดียวกันเป๊ะทั้ง3ที่เลย (นี้แหละสิ่งที่เราชอบในร้านสไตล์นี้ มันไม่ใช่แค่อาหาร รสชาติ หน้าตาหรือวัตถุดิบแต่การบริการมันคือส่วนหนึ่งในการเพิ่มอรรถรสของการทานด้วย) และทีเด็ดต่อมาคือมี4อย่างให้เลือกจ้า...ไอติมนูก้า เมลโล่ราสเบอรรี ช็อกโกแล็ตไส้เสาวรส...และเราก็ปิดท้ายด้วยชากาน้อยๆส่วนชอกโกแล็ตนั้นเสร็จพี่มาทิอาสหมดเลยจ้า... โดยรวมๆสำหรับเราว่าokใช้ได้เลยทีเดียว อาหารอร่อยที่นั่งสบายบริการดีราคาสมเหตุสมผล ถ้าใครชอบสไตล์ฝรังเศสแนวร่วมสมัยในแบบผสมผสานมีกลิ่นอายเอเซียนิดๆ เราว่าที่นี้คือใช่...👌

ข้อมูลน่าสนใจ

  • Sur Mesure par Thierry Marx, 251 rue Saint -Honoré 75001 Paris อยู่ในโรงแรมแมดาริน
  • เปิด อังคาร - เสาร์ อาหารเที่ยงและค่ำ
  • ต้องจองล่วงหน้า (อย่าางน้อย 1 อาทิตย์ คือมันเต็มจริงๆ)
  • อาหารกลางวัน 85-120€/คน อาหารกลางคืน 195€/คน
  • เครื่องดื่มเฉลี่ยอยู่ที่ 15 - 30€/คน (แน่นอนwine list ก็แล้วแต่เกรดนะ)
  • เมนูต้องสั่งเหมือนกันทั้งโต๊ะ
2 Comments

Mariage Frères : ผู้นำด้านศาสตร์แห่งการผสมชาแบบฝรั่งเศส

3/8/2019

0 Comments

 

Salon de thé : Mariage Frères (le Marais) Paris : ดื่มชาแบบฝรั่งเศส

Picture
Salon du thé : Mariage Frères Paris
        มาปารีสนอกจากฝ่าฝูงชนไปจ้องตาMonalisa แอ็คท่าแชะรูปสุดเจ๊งกับ « La dame de fer »ที่Tour Eiffel เดินทอดน่องชมสวนที่Le Jardin du Luxembourg นั่งเรือร่องแม่น้ำSeine...และอีกมากมายที่นักท่องเที่ยวนิยมไปกัน ซึ่งข้อมูลแบบนี้ถามพี่googleก็ได้ แต่วันนี้เราจะชวนคุณปลดเป้นักท่องเที่ยว หันมาสวมรองเท้าทำตัวเป็นชาวปารีสแล้วไปจิบชา ทานอาหาร และชิมขนมในแบบฉบับTeatime สไตล์ฝรั่งเศสชิวๆในตอกเล็กๆย่าน Le Marais ซึ่งเป็นร้านต้นกำเนิดของแบรนด์ระดับตำนานที่ครบเครื่องเรื่องชามีสาขาอยู่ทั่วโลกอย่าง Mariage Frères : ผู้นำด้านศาสตร์แห่งการผสมชาแบบฝรั่งเศส แบรนด์เก่าแก่มากที่ก่อตั้งตั้งแต่1854! จริงๆสาขาอื่นก็มีนะแต่เราเจาะจงว่าต้องสาขานี้เพราะเป็นบ้านแม่ที่อยู่มาตั้งแต่ก่อตั้ง และที่สำคัญมันให้บรรยากาศย้อนยุคเล็กๆที่ที่อื่นไม่มี...เล่ามาซะขนาดนี้แล้ว อยากไปกันหรือยัง? 🤔(คนเขียนนำ้ชาหมดไปแก้วแล้ว55) พร้อมแล้วใส่รองเท้าไปกันเลย
        เมื่อเดินมาเกือบสุดปลายทางของตอกเล็กๆ จะพบกับร้านที่ด้านนอกตกแต่งด้วยไม้ให้ความรู้สึกโบราณนิดๆ อึมครึมหน่อยๆ ดูทึมๆทึบๆ เอาจริงๆดูภายนอกไม่ดึงดูดใจให้เข้าสักเท่าไหร่ แต่ยังดีที่มีกระจกสามารถมองเห็นกระปุกชาเรียงรายอยู่ด้านในทำให้อุ่นใจว่ามาถูกที่เขามีชาแน่ๆ
        พอเดินเข้าไปด้านใน จะเห็นกระปุก กระป๋อง หีบห่อและกล่องชาในรูปแบบต่างๆขนาดซื้อกลับบ้านได้สะดวกอยู่ซ้าย ในขณะที่มุมด้านขวานั้นจะมีตู้กระจกเล็กๆที่วางตัวอย่างกาและชุดเครื่องเงินสำหรับชงชาไว้เพื่อขาย ถ้าเดินลึกเข้าไปด้านขวาอีกหน่อยเราจะได้พบกับกำแพงตู้ไม้สูงจากพื้นจรดเพดานที่มีกระป๋องชาขนาดใหญ่เป็นสิบจัดเรียงเป็นตับ ส่วนด้านหน้าถูกคั่นด้วยเคาเตอร์ยาวที่ทำจากไม้เช่นกัน เพื่อเพิ่มบรรยากาศแห่งการย้อนยุคเราจะได้พบกับตาชั่งรุ่นเดอะแบบ2ถาด ให้อารมณ์ร้านขายยาจีนมากเลย ตรงนี้แหละที่เราสามารถเลือกซื้อชาแบบตักแบ่งขายเป็นขีดได้ แต่มุมนี้ค่อยสนใจตอนก่อนกลับก็ได้นะเพราะมีของให้น่าเสียตังค์อยู่หลายอย่าง
มุมที่เราสนใจและตั้งใจมาชิมอยู่มุมหลังสุดของร้านที่เปิดเป็น salon de thé (ซาโลง เดอ เต) นำเสนออาหาร ขนมทุกอย่างที่มีส่วนประกอบของชา ขนาดเกลือยังมีMachaเครื่องปรุงรสก็ผสมชาเขียว และแน่นอนค่ะ เครื่องดื่มก็เสริฟชาจ้า จะชาเขียว ขาว เหลือง แดง ฟ้า ดำหรือกลิ่นผสมก็เชิญเลือกเลยจาก650อย่าง จะร้อนเย็นก็ว่ากันไปมันต้องมีที่เหมาะกับคุณสักอย่างอ่ะ ส่วนอาหารนั้นจะสั่งแบบทานเล่นเอาขนมหวานแบบเบาๆที่มีตั้งแต่แบบพื้นๆอย่างmadeleine (ขนมไข่) จนถึงขนมที่ดูประดิษฐ์ประดอยรูปร่างหน้าตาสวยงาม หรือจะเน้นอาหารคาวที่เป็นอาหารแบบbistroสไตล์ฝรังเศสก็ตามอัธยาศัย แต่ถ้าเป็นพวกรักพี่เสียดายน้องก็จัดไปทั้งคาวและหวานเมนู Afternoon tea ที่ครบจบใน1เมนู (คือเราจัดอยู่ประเภทนี้😋) แต่ไม่ว่าจะเมนูไหนทุกอันจะมีส่วนผสมหรือกลิ่นของชาที่เขาขายอยู่ในทุกเมนู
ร้านนี้เมนู(บี)แนะนำ :
  • 1.เมนู Afternoon tea « Caprice de gouverneur » :อันนี้คือเมนูขึ้นชื่อของร้าน setนี้จะได้ croque monsieur ที่เป็นแซนวิชขนมปังมีไส้เป็นปลาซอลมอนรมควันเพิ่มความพิเศษด้วยขนมปังชาเขียวกับขมิ้น เครื่องเคียงเป็นสลัดผักกับซอสใส ในเซ็ทเมนูนี้คุณจะได้เลือกขนมหวานจากชั้น1ชิ้นและชาได้1อย่างตามลิส ชาร้อนจะเสริฟในกาขนาดประมาณ75ml แบบพร้อมดื่มที่ชงเสร็จโดยเคารพระยะเวลาและอุณหภูมิของน้ำตามศาสตร์แห่งชา ส่วนชาเย็นจะมาแบบแก้วเดี่ยว(ไม่มีเติมนะจ๊ะ) แต่ถ้าจะเอาชาแบบพิเศษสุดก็ได้แต่ต้องเพิ่มเงินนิดหน่อย เขาจะเขียนไว้ที่ท้ายชาเพิ่มตั้งแต่2-10€แล้วแต่ชา ทั้งเซ็ตอาหารคาว+ขนมหวาน+ชามาในราคา 36€
  • 2. เมนู « Louvre » set นี้คุณจะได้อาหารคาวที่ทำมาจากไก่หมัก(อะไรจำไม่ได้)ที่มีรสชาติออกเปรี้ยวหน่อยๆใส่มาบนทาร์ตขนมปังเสริฟมากับข้าวสีดำปรุงรสเค็มๆมันๆ (คือจริงๆอันนี้แนะนำสุด เราชอบมากสุด) แล้วคุณก็เลือกขนมกับชาตามชอบใจเหมือนอันแรก เซ็ทนี้มาในราคา 34€
  • 3. ชา “Marco Polo” จริงๆชานี้แล้วแต่ความชอบเลย แต่ที่ขึ้นชื่อจริงๆต้องบอกเลยว่าเขาทำชาที่มีการปรุงแต่งกลิ่นได้ดีเยี่ยม ชาที่ถือว่าเป็นthe must เป็นเอกลักษณ์พอพูดถึงMariage Frère คุณต้องนึกถึง « Marco polo” และตำรับoriginalเลยก็ต้องเป็นแบบชาดำ กลิ่นจะออกแนวสดชื่นของผลไม้ที่ผสมกับความอบอวลของกลิ่นดอกไม้ที่ออกแนวลึกลับน่าค้นหา... ส่วนรสชาตินั้นเข้มถึงใจ ออกฟาดนิดๆ เผ็ดซ่าหน่อยๆได้รสอมเปรี้ยวบางๆ คนที่ชอบดื่มชารสแก่ๆแบบมีเอกลักษณ์มากๆน่าจะถูกใจ ในกลิ่นเดียวกันเขามีแบบชาเขียวกับชาฟ้าด้วยแต่รสชาติมันห่างกันมากมายไม่แนะนำจริงๆ (เราไม่ชอบชาดำ และเป็นสายชาเขียว ชาขาวรสธรรมชาติมากกว่าชาที่ผสมหลายๆอย่าง เราเลยมาที่นี้เพื่ออาหารและซื้อฝากเสียมากว่า คือที่นี้concept ดีมีชาให้เลือกหลากหลายมากแต่ไม่ใช่ที่สุดของชาในแบบที่เราชอบดื่ม แต่ทุกครั้งที่มาปารีสก็แวะนะเพราะซื้อแยมชา)
  • 4. แยมกับคุกกี้กลิ่นชา...อันนี้เขาไม่เสริฟที่ร้านแต่บอกเลยถ้าคุณหาของฝาก มันคือตัวเลือกที่ดีมาก (แทบจะเป็นของฝากตัวช่วยของเราเลย หาซื้อยากแต่อร่อยมาก จริงๆเราว่าอร่อยกว่าชาเขาเสียอีก😉 เวลาเอาไปให้ใครก็ดูoriginal ดี) ราคาก็น่ารักมาก แยม 8€ คุกกี้กล่องละ5-6€(ไม่แน่ใจแต่ราคาราวนี้แหละ กลิ่นซากุระอร่อยสุด)
        อาหารถ้าไม่สั่งเป็นเซ็ต ก็สั่งแยกเป็นจานได้ เมนูจะมีให้เลือกมากกว่าแล้วแต่seasonและปริมาณอาหารที่ได้ก็เยอะกว่าแบบเซ็ท ราคาอยู่ที่ 22-28€/จาน สำหรับขนมหวานราคา 3.90-5.9
Picture
        ส่วนบรรยากาศและโต๊ะนั้นไม่มีความอึมครึมเหมือนส่วนที่มีไว้ขายของเลย โต๊ะปูด้วยผ้าขาวเนื้อดีที่ดูสะอาดตากับเก้าอี้หวาย(ขนาดแค่พอนั่ง) ด้วยที่ที่ค่อนข้างแคบโต๊ะก็เลยถูกจัดให้ชิดกันมากแบบขยับลำบากเลย บริกรก็จะมาในชุดสูตรย้อนยุคสีขาวเหมือนทหารเฝ้าป้อมวัดพระแก้วเลย(ถ้าให้หมวกหน่อยมันจะใช่เลย)มีดนตรีคลาสสิคขับกล่อมเพิ่มบรรยากาศเบาๆ เมื่อเริ่มนั่งเราจะได้เมนูและหนังสือเกี่ยวกับชาให้อ่านเล่น1เล่ม ถ้าถูกใจซื้อกลับบ้านได้
       โดยรวมเป็นร้านหนึ่งที่สาวกสายนักดื่มชาแบบรักซึมลึกเข้าเส้นเลือดเรื่องห้ามพลาด เป็นร้านน่าแวะสำหรับคนที่อยากจะลิ้มลองประสบการณ์ศิลปะแห่งการทำชาของฝรั่งเศส ถ้าถามอาหารอร่อยขนาดไหน เอาจริงๆกลางๆแต่มีความเป็นเอกลักษณ์สูง กิจการหลักของแบรนด์ก็ยังเป็นการขายชาแต่ร้านอาหารหรือsalon du théเป็นแค่ส่วนเติมเต็มเท่านั้น ในส่วนของราคาอาหรถือว่าอยู่ในเกณฑ์ราคาดีมากเมื่อเทียบกับคุณภาพและบริการรวมถึงปริมาณ ส่วนชาเป็นที่สุดของที่สุดไหม ถ้าคุณมองหาชาในเกรดพรีเมียมและชอบแนวชากลิ่นดอกไม้ ผลไม้แบบที่มีการผสมมากกว่าแบบธรรมชาติpureอันนี้คือ1ในแบรนด์ ระดับTop แต่ถ้าเป็นสายชาเขียว ขาวธรรมชาติเขาก็มีนะแต่ไม่ใช่ที่สุดสำหรับเรา เอาง่ายๆถ้าชอบชาดำ ชาผสมปรุงแต่งกลิ่นหลับตาซื้อเลยรับรองไม่ผิดหวัง แต่ถ้าแนวชาpureพอได้แต่ไม่สุด! อ้าว...ทำไมยังแนะนำรั่วให้มา? เพราะที่นี้ทำให้รู้สึกว่าชาไม่ได้มีไว้แค่ให้ดื่ม แต่มีไว้ให้กิน ดม ชม และหรือถือกลับบ้านเป็นของฝากก็เก๋ไปอีก โดยส่วนตัวเรามองว่ามันไม่ใช่แค่conceptที่ทำมาเพื่อช่วยขายชาเขา แต่มันคือวิถีแห่งการดำรงอยู่ เผยแพร่ ถ่ายทอดและทำให้ศิลปะแห่งชาเป็นที่รู้จักในวงกว้างและเข้าถึงได้ง่ายขึ้น (เราถึงมาบ่อยทั้งที่ไม่ได้เป็นแฟนชาแบรนด์นี้สักเท่าไหร่)

รักนะเลยบอกให้
  • Mariage Frères, 35 rue du Bourg Tibourg Paris (สาขาอื่นก็มีใกล้หอไอเฟลก็มี)
  • ราคาอาหารเป็นราคากลางๆ
  • ชาสามารถซื้อเป็นขีดได้ราคาแล้วแต่ชนิดชา (เรทจัดว่าราคาสูงอยู่)
  • ตัวเลือกหนึ่งของการเป็นของฝากด้วยรูปลักษณ์ของหีบห่อ
  • จริงๆแยมชาที่ทำออกมาในรูปของgeléอันนี้แนะนำสุดๆ
  • ชา Macro Poloต้องเป็นแบบชาดำดีที่สุด(แนะแบบเป็นกระป๋องมากว่าแบบถุงชาสำเร็จ)
  • ราคาเฉลี่ยอาหารขนมและชา 35€/คน ขนม+ชา 16€
  • เขามีคอร์สสอนชิมชาด้วยนะแต่ต้องจองล่วงหน้าดูปฏิทินที่เว็บได้เลย

        คนเขียนเป็นประเภทชอบจิบชาชมบรรยากาศเราถึงชอบไปร้านน้ำชา แต่ชาที่ชอบจริงๆคือชาเขียวญี่ปุ่นรสชาติละมุนแบบGyokuroหรือชาขาวจีนผู่เอ๋อร์แต่จริงๆชอบpai mu tanแต่มันหายาก แล้วคุณล่ะรู้ไหมว่าตัวเองชอบชาแบบไหน? ดื่มชาเพราะชาหรือเพราะอะไร...คอมเมนท์มาแบ่งปันกันได้นะ...



0 Comments

    Archives

    March 2022
    January 2022
    June 2019
    May 2019
    March 2019

    Categories

    All
    อาหารฝรังเศส
    เที่ยวฝรั่งเศส
    Acitivity
    Bordaux Restaurant
    Bordeaux
    Gastronomy
    Paris
    Restaurant
    Restaurant Gastronomy
    Restaurant Paris
    Retaurant
    Salon Du Thé
    Teatime
    Top Teatime
    Visit

    RSS Feed

element_settings.Image_30621876.default
 Author : Bee  BW
YouTube : Teatime Diary by BW
Blockdit : Teatime Diary by BW
IG : teatimediary.bw / Bee BW
​Mail : teatimediarybw@gmail.com
www.teatimediary.com
​

Home

Teatime

Restaurant

visit

activity

contact

Copyright © 2023
  • Home
  • Teatime
  • Restaurant
  • visit
  • activity
  • contact
  • Blog